ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ คอนโด มีอะไรที่จะต้องจ่ายบ้าง เตรียมตัวก่อนที่จะซื้อคอนโด

ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์

ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ คอนโด มีอะไรที่จะต้องจ่ายบ้าง เตรียมตัวก่อนที่จะซื้อคอนโด

รับฝากขายบ้าน คอนโด ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ – ฝากขายบ้านฟรี

ใครที่กำลังจะซื้อคอนโด หรืออยากได้คอนโดเป็นของตัวเอง เคยคิดไหมว่า การซื้อคอนโดในแต่ละครั้งนอกจากค่าคอนโดที่เราจะต้องจ่ายแล้วนั้น มีค่าอะไรอีกบ้างที่ต้องจ่ายในระหว่างซื้อคอนโด และยิ่งเป็นวันสำคัญอย่างวันโอนกรรมสิทธิ์ ที่จะโอนมาเป็นสิทธิ์ของเรา ในวันนั้นเราจะต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง ดังนั้นมาดูกันว่า ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ มีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้เตรียมตัวในการซื้อคอนโด จะได้ไม่เสียเวลาในภายหลัง

ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ คอนโด มีอะไรที่จะต้องจ่ายบ้าง เตรียมตัวก่อนที่จะซื้อคอนโด

ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ที่เราจะต้องจ่ายมีอะไรบ้าง สิ่งที่ควรรู้ก่อนที่จะซื้อคอนโด สำหรับมือใหม่ที่ซื้อคอนโดครั้งแรก ที่สงสัยว่า ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ คืออะไร มีอะไรบ้างที่เราจะต้องจ่าย เพราะการซื้อคอนโดจะมีค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ในวันโอน โดยจะมีค่าใช้จ่ายดังนี้

อยากลงทุนคอนโด บ้าน และอสังหาริมทรัพย์ทุกชนิด กับเรา คลิก!

  • ค่าโอนกรรมสิทธิ์
  • ค่าจดจำนอง
  • ค่าประเมินราคา
  • ค่าทำประกันอัคคีภัย
  • ค่าอากรแสตมป์
  • ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
  • ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ
  • ค่าใช้จ่ายที่ต้องให้โครงการ ( ค่าส่วนกลางล่วงหน้า ,ค่ากองทุน, และค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้ากับน้ำ )

ดูเหมือนว่าในการซื้อคอนโดจะมีค่าใช้จ่ายเยอะมากๆ แต่จริงแล้วไม่ได้เยอะอย่างที่คิด และค่าใช้จ่ายเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการจ่ายในวันโอน และสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้สำคัญอย่างไร มารู้พร้อมๆ กันได้เลย

ค่าโอนกรรมสิทธิ์

ในการโอนกรรมสิทธิ์เราจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการโอนด้วย เป็นเงินที่เราจะต้องจ่ายให้กับทางกรมที่ดินที่เราไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ โดยจะคิดเป็น 2% ของราคาขายหรือราคาประเมิน โดยส่วนมากการจ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์จะแบ่งเป็น เราจ่าย 1% และคนขายอีก 1% อย่างเช่น ราคาคอนโดอยู่ 1,500,000 บาท ราคาประเมินอยู่ที่ 1,000,000 บาท ค่าโอนกรรมจะคิด ราคาที่สูงที่สุด นั้นก็คือ 1,500,000 บาท ถอนสมการได้ดังนี้

(ราคาสูงสุด x 2%) ÷ 2

1,500,000 x 2% = 30,000

30,000 ÷ 2  = 15,000

ดังนั้นค่าโอนกรรมสิทธิ์เราจะต้องจ่ายนั้นก็คือ 15,000 บาท 

ค่าจดจำนอง

ค่าจดจำนองเป็นอีกสิ่งที่เราจะต้องจ่ายเมื่อถึงวันโอนกรรมสิทธิ์ เป็นค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนกับกรมที่ดิน คิดเป็น 1% ของวงเงินจำนอง หรือยอดเงินกู้ ที่เราทำการกู้สินเชื่อจากสถาบันทางการเงิน ในกรณีที่ไม่ได้กู้สินเชื่อ ก็ไม่เสียค่าธรรมเนียมนี้ ตัวอย่างเช่น เราทำการสินเชื่อกับทางธนาคาร แล้วทางธนาคารอนุมัติวงเงินกู้ที่ 2,000,000 บาท เราก็จะเสียค่าจดจำนอง 1% ถอนสมการได้ดังนี้

(วงเงินกู้ที่ได้ x 1%) = ?

2,000,000  x 1% = 20,000 บาท

ดังนั้น ค่าจดจำนองค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนกับกรมที่ดิน ที่เราจะต้องจ่ายคือ 20,000 บาท

ค่าประเมินราคา

เป็นค่าที่ทางธนาคารจะเรียกเก็บกับเรา เป็นค่าดำเนินการประเมินมูลค่าคอนโด เพื่อที่นำไปคิดวงเงินที่เราจะได้ ซึ่งการประเมินราคาจะเกี่ยวข้องการค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ที่เราได้อธิบายไปข้างต้นนั้นแล้ว ที่เราจะต้องจ่าย ในราคาขายหรือราคาประเมิน ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้ เราจะต้องจ่ายให้กับทางธนาคารประเมิน 1,000-3,000 บาทต่อการยื่นประเมินต่อหนึ่งครั้ง ยิ่งถ้าเรายื่นหลายธนาคารเราจะต้องเสียค่าประเมินเยอะ นั้นก็หมายความว่า ถ้าเรายื่นกู้เสียค่าธรรมเนียมไปแล้ว แล้วก็ไม่ผ่าน เงินนั้นก็จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ถ้าไม่อยากที่จะเสียค่าประเมินโดยเสียเปล่าจะต้องเตรียมในการซื้อให้ดี

ค่าทำประกันอัคคีภัย

เมื่อเราทำการยื่นกู้กับทางธนาคาร ทางธนาคารจะ บังคับให้เราทำประกันอัคคีภัย เป็นสิ่งที่ประกันเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับคอนโดของเรา ทางธนาคารจะได้ผลประโยชน์ไป แต่เราก็ได้ประโยชน์เช่นเดียว กันโดยเงินประกันที่เราจะได้ ทางธนาคารจะนำไปหักลบกลบหนี้ที่เรามีอยู่กับธนาคาร ซึ่งค่าประกันอัคคีภัยที่เราจะต้องจ่าย ก็จะขึ้นอยู่กับทางธนาคารว่า จะให้เราจ่ายเท่าไหร่ และแต่ละธนาคารจะจะมีความแตกต่างกันออกไป ควรที่จะสอบถามค่าประกันภัยทุกครั้งในการยื่นกู้สินเชื่อ

ค่าอากรแสตมป์

ค่าอากรแสตมป์ ส่วนมากจะคิดเป็น 0.5% ของราคาขายหรือราคาประเมิน ซึ่งจะมากจะน้อยจะขึ้นอยู่กับราคาคอนโดเป็นราคาขายหรือราคาประเมินโดยจะคิดราคาที่สูงที่สุด อย่างเช่น ราคาขายคอนโด 2,000,000 แต่ราคาประเมินได้ 1,500,000 บาท จะนำเอาราคาประเมินมาคิด ค่าอากรแสตมป์ โดยส่วนมากคนที่เสียค่าอากรแสตมป์คือคนขาย เราไม่ต้องเสีย ถอนสมการได้ดังนี้

ราคาขายหรือราคาประเมิน x 0.5%  =?

2,000,000 x 0.5% = 10,000 

ดังนั้น ค่าอากรแสตมป์ ที่คนขายจะต้องจ่าย คือ 10,000 บาท 

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ส่วนนี้จะเป็นเงินที่เราต้องจ่ายให้กับสำนักงานที่ดิน โดยส่วนมากผู้ขายจะเป็นคนจ่ายเงินในส่วนนี้ โดยจะมีค่าภาษีดังนี้ หักค่าใช้จ่ายตามปีที่ถือครอง อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ

เป็นค่าภาษีเฉพาะ สำหรับคนที่ซื้อคอนโด หรืออสังหาริมทรัพย์ ที่ซื้อมาแล้วขายต่อ โดยซื้อมาแล้วขายออกไม่เกิน 5 ปี โดยอัตราของภาษีธุรกิจเฉพาะอยู่ที่ 3.3% ของราคาขายจริงหรือราคาประเมิน ราคาที่สูงสุด แต่ถ้าเราอยู่เกิน 1 ปีขึ้นไปแล้วขายต่อ ไม่ต้องเสียค่าภาษีนี้ หรือเราซื้อมาแล้วไม่ได้ขายต่อก็ไม่ต้องเสีย โดยจะถอนสมการออกได้ดังนี้

ราคาขายหรือราคาประเมิน x 3.3% =

2,000,000  x 3.3% = 66,000 บาท 

ดังนั้น ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ที่จะต้องจ่ายคือ 66,000 บาท 

ค่าใช้จ่ายที่ต้องให้โครงการ

ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เราจะต้องจ่ายให้กับทางโครงการ อย่างเช่น ค่าส่วนกลางล่วงหน้า ,ค่ากองทุน, และค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้ากับน้ำ ซึ่งใช้จ่ายเหล่านี้จะมาคูณกับขนาดของห้องที่เราซื้อ คิดเป็นตารางเมตร อย่างเช่น เราซื้อคอนโด 1 Bedroom ขนาด 34.00 ตารางเมตร

ค่าส่วนกลางที่เราจะต้องจ่าย 

ค่าส่วนกลางส่วนมากจะเริ่มต้นอยู่ที่ 40 บาท ไปจนถึง 170 บาท ขึ้นอยู่กับโครงการนั้นว่าจะเรียกเก็บเท่าไหร่ 

ค่าส่วนกลาง x จำนวนตารางเมตรของห้อง

50 x 34 = 1,700 บาท

ดังนั้นค่าส่วนกลางที่เราจะต้องเสียในแต่ละเดือนอยู่ที่ 1,700 บาท ต่อเดือน

ค่ากองทุน

ค่ากองทุน x จำนวนตารางเมตรของห้อง

500 x 34 = 17,000 บาท 

ดังนั้น ค่ากองทุน ที่เราจะต้องจ่ายให้กับโครงการ  17,000 บาท 

จะเห็นได้ว่ามีค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เราจะต้องจ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ทั้งเราเป็นคนจ่ายเอง และ คนที่ขายจะต้องจ่าย หรือทั้งสองฝ่ายช่วยกันจ่าย แต่ก็ไม่มากมายอย่างที่คิด

 

 

อ่านบทความ การลงทุน เพิ่มเติม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *